Pat

 ร้านนอกกระแสอีกร้านที่อร่อยในตัวเมืองภูเก็ต นั่นก็คือ "ร้านน้องเจ" ที่เป็นร้านอาหารเจ ราคาประหยัด "ร้านน้องเจ" อยู่ไม่ไกลจากร้านโกเบ๊นอันโด่งดังสักเท่าไหร่ เดินจากร้านโกเบ๊นมา 5 นาทีก็ถึงค่ะ

แกงเผ็ดเป็ดย่างเจ ร้านน้องเจ

จานนี้คือแกงเผ็ดเป็ดย่างเจ ถึงมันจะชื่อว่าแกงเผ็ดเป็ดย่าง และมีเป็ดเจ แต่เนื้อสัมผัสและรสชาติมันก็ไม่ได้เป็นเป็ดนะคะ สำหรับเราไม่ได้ใกล้เคียงเป็ดเลย แต่ว่ามันอร่อยในแบบของมันค่ะ มันเป็นแกงกะทิที่ไม่ได้ข้มมาก รสชาติไม่ได้จัดจ้าน กินแบบสบายๆ จานนี้ถ้าจำไม่ผิดราคา 75 บาทค่ะ

อกไ้ก่ทอดเจ ร้านน้องเจ

ส่วนนี้คือ "อกไก่เจทอด" งงอะดิ ใช่เลยค่ะ เพื่อนเราแนะนำให้มาลองกิน "อกไก่เจทอด" ที่ "ร้านน้องเจ" มันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับไก่หรืออะไรหรอกนะคะ แต่ว่ามันอร่อยค่ะ รสชาติเหมือนมีความเป็นฟองเต้าหูทอดกรอบ แต่เป็นฟองเต้าหู้ที่หนาๆหน่อย เค้าทอดอร่อยค่ะ ไม่อมน้ำมัน

"ร้านน้องเจ" เปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม เป็นร้านที่บ้านๆมากๆค่ะ ราคาเบาๆ

ที่อยู่ร้านน้องเจ

เราย้ายมาอยู่ที่ภูเก็ตได้ 1 สัปดาห์แล้ว แล้วก็ได้ชิมอาหารหลายร้านที่อยู่ในโซนเมืองเก่า

บรรยายกาศภายในร้านข้าวต้มเขารังภูเก็ต

ข้าวต้มเขารังเป็นอีกร้านที่เก่าแก่ คนในตัวเมืองภูเก็ตเองก็แนะนำให้มากิน โดยเฉพาะอาหารหากินยากอย่างเช่น ดอกโสนผัดไข่ ราคาไม่ได้แรงมาก อยู่ที่ 90 บาทต่อจาน

ดอกโสนผัดไข่ที่ร้านข้าวต้มเขารัง เมืองเก่าภูเก็ต

ส่วนจานที่เราชอบมากคือยำปลาสลิด เรากินตอน 17.30 น. ตอนที่เขาเปิดร้านใหม่ๆเลย ปลามีความกรอบ สด แล้วก็รสไม่ได้จัดมาก รวมๆแล้วร้านข้าวต้มเขารังเป็นร้านอาหารที่รสชาติเบาสบายท้อง ที่เราจะกลับมากินซ้ำ

ยำปลาสลิกที่กรอบ สด ที่ร้านข้าวต้มเขารัง ภูเก็ต

เราไม่รู้ว่าหลายคนเป็นหรือเปล่าที่ว่า ถ้าเป็นร้านข้าวต้ม ต้องกินกับข้าวสวยที่คุณภาพดีประมาณนึง ไม่งั้นไม่ฟิน สำหรับหรับเรานะ เราให้คุณภาพข้าวของร้านข้าวต้มเขารังว่าผ่านค่ะ ไม่ได้คุณภาพดีตะโกนแบบเราหุงกินเองที่บ้าน แต่ก็ไม่หยาบจนทำให้รู้สึกไม่ฟินค่ะ


พิกัดร้านข้าวต้มเขารัง ภูเก็ต ถ้าจะเดินมาจากโซนเมืองเก่าก็จะใช้เวลาประมาณ​15 นาทีค่ะ ถ้าเดินตอนเย็นๆก็เดินได้สบาย แดดไม่ร้อน แต่ถ้าใครขี้เกียจเดินก็นั่ง Grab มาก็ได้ ร้านเปิดตั้งแต่ 17.30 น.​ เป็นต้นไปค่ะ

ในการเลือกเรียนสิ่งใดสิ่งหนึ่งมันควรเป็นการเลือกจะไปเรียนเพราะเราอยากเรียนรู้ ไม่ใช่เพราะว่าเราอยากได้ใบรับรองว่า "เราทำสิ่งนี้ได้ดีแค่ไหน ภายในระยะเวลา 3 เดือน" ซึ่งเราเห็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆที่มีโปรแกรม MBA ของอเมริกาหลายที่ก็มีนโยบายที่ว่า จะไม่เปิดเผยเกรดของนักศึกษาให้บริษัทที่จะมาจ้างงาน เพราะว่าคนที่จบออกไปได้จากสถานบันเหล่านี้ นับว่ามีคุณภาพ ซึ่งมันส่งผลต่อการเลือกที่จะเรียน หรือไม่เรียนวิชาอะไรในช่วงระยะเวลา 2 ปีในการเรียน MBA มาก

เราชื่นชมกับนโยบายนี้มากเลยนะ เพราะว่ามันมีหลายอย่างที่เราอยากเรียน แต่ว่าเราเลือกที่จะไม่ลงเรียนเพราะเรารู้ว่า เราไม่มีทางเรียนรู้และทำมันได้ดีภายในระยะเวลา 3 เดือน (1 เทอม) และเกรดที่ไม่ดีนั้นจะส่งผลต่อการทำงานของเราในอนาคต ซึ่งมันน่าเสียดายกับโอกาสที่จะได้เรียนกับอาจารย์เทพๆเหล่านั้น

ตารางด้านล่างคือมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย GPA ของนักศึกษา MBA

SchoolGrade Non-Disclosure?
HBSYes
GSBYes
WhartonYes
SloanNo
BoothYes
KelloggNo
ColumbiaYes
TuckYes
HaasYes
RossYes
DardenYes
FuquaNo
SOMYes
SternYes
JohnsonYes

 

 

สอนวิธีกดในตัวโปรแกรมเลย ไม่ต้อง code



อธิบายตรรกะของมันได้ชัดมาก



 ความประทับใจ

  • ปลอดภัยมาก เที่ยวแบบปล่อยใจได้เลย เดินที่ถนนตอนกลางคืนก็ปลอดภัย
  • คนซื่อสัตย์ เวลาซื้อของหรือแพคเกจวันเดย์ทริป ตรงไปตรงมา ไม่มีการเก็บเงินเพิ่ม
  • คนน่ารัก ต้อนรับทักท่องเที่ยวสุดคนท้องถิ่นชวนคุย แนะนำร้านอาหาร และที่สำคัญพูดภาษาอังกฤษคล่อง สื่อสารง่าย


ดูไบ
เมืองทันสมัย อยากให้นึกถึงสิงคโปร์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

อาบูดาบี
เหมือนสิงคโปร์ยุคที่กำลังก่อสร้าง Marina Bay Sands รวมๆแล้วมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่จำนวนมาก และจะกลายมาเป็น Landmark ที่สำคัญในอนาคต

ถาม : คนไทยขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยวของอเมริกาที่ประเทศอื่น ผ่านสถานทูตอเมริกาในประเทศอื่น ที่ไม่ใช่ประเทศไทยได้หรือไม่
ตอบ : ได้ เราคือหนึ่งในนั้น

ถาม : หากคนไทยขอวีซ่าคนไทยขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยวของอเมริกาที่ประเทศอื่นผ่านสถานทูตอเมริกาในประเทศอื่น ที่ไม่ใช่ประเทศไทย จะต้องเป็นผู้ที่มีสถานะ resident ในประเทศที่ยื่นเรื่องหรือไม่
ตอบ : ไม่เสมอไป




เราขอแชร์ประสบการณ์การขอวีซ่าอเมริกาประเภท B1/2 ผ่านสถานทูตอเมริกาที่มาเลเซีย โดยที่เราไม่ได้มีสถานะเป็นผู้ทำงาน หรือผู้พำนักในมาเลเซีย สรุปคือ คำขอเราผ่าน สถานทูตอเมริกาอนุมัติวีซ่าให้เราค่ะ

การลงทะเบียนเพื่อขอวีซ่าเข้าประเทศอเมริกาเราจะต้องมีการกรอกแบบฟอร์มและจ่ายเงินหลักๆคือ
1. DS-160 (แบบฟอร์มการขอเข้าประเทศอเมริกา)
2. จ่ายเงิน

ตอนที่เราสมัครและกรอก DS-160 มันจะมีการให้เลือกประเทศ ซึ่งเราเลือกประเทศมาเลเซีย เพราะคิวสัมภาษณ์วีซ่าประเภท B1/2 สั้นกว่าที่ไทยมาก แม้ว่าสถานทูตที่นี่จะมีการแบ่งประเภทเป็นคิวระหว่าง ผู้พำนักในมาเลเซีย และไม่ใช่ผู้พำนักในมาเลเซีย คิวเรารอแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้นเองนับจากวันที่เรากดจองวันสัมภาษณ์

เราได้คิวตอน 9.30 น. และเราสัมภาษณ์เสร็จรู้ผล เดินออกจากสถานทูตตอน 11.00 น. ซึ่งเร็วมากจริงๆ ถ้าคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ชัดเจน ก็จะเร็วมาก คำถามที่เราเจอคือ
  1. ไปที่ไหน
  2. ไปทำอะไร
  3. ไปนานขนาดไหน
  4. เคยไปอเมริกามาหรือเปล่า
  5. เคยไปแคนาดามาหรือเปล่า (เจ้าหน้าที่เปิด passport เราดูไปด้วย)
  6. ทำไมมาขอวีซ่าที่มาเลเซีย เราก็ตอบตรงๆไปเลยว่า ที่ไทยคิวมันยาว
  7. มาทำอะไรที่มาเลเซีย
  8. มี property ที่เป็นชื่อตัวเองอะไรในไทยไหม
  9. ทำงานอะไร
ก็แชร์ให้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับใครที่ต้องใช้วีซ่าประเภท B1/2 แบบเร็วๆ แล้วไม่ได้คิวที่ไทย รวมถึงจุดประสงค์การขอวีซ่าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในการขอแบบเร่งด่วน เช่น งานรับปริญญา ไปเยี่ยมญาติที่คลอดลูก ฯลฯ

Location
สถานทูตอเมริกาในกัวลาลัมเปอร์มาง่ายมากค่ะ อยู่ในโซนอารมณ์ถนนวิทยุของไทย สถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Ampang Park ซึ่งอยู่ห่างจากสถานี KLCC ที่เป็นสถานีใต้ตึกแฝด/ตึกปิโตรนาส พอมาลงที่สถานีนี้ก็ให้ข้ามถนนมาฝั่งที่มีห้างตรงหัวมุมชื่อ "The Linc" จากนั้นก็เรียน Grab ค่ะ ถ้าเรียกจากตรงสถานีรถไฟเลยจะต้องไป U-turn

"

 Causal Inference


Previous PostOlder Posts Home